ตัวแปร
ในบทนี้เราจะมาพูดถึงตัวแปรชนิดต่างๆกันนะครับ
|
|
|
|
#include <iostream.h> int main() {
int a,b;
char c,d;
float e,f;
a=5;
b=65;
c='D';
d=68;
e=1.25;
f=35.225;
cout<<a<<"\n";
cout<<b<<"\n";
cout<<c<<"\n";
cout<<d<<"\n";
cout<<e<<"\n";
cout<<f<<"\n";
return 0;
}
|
|
|
|
|
[Download Code]
ตัวแปรชนิดแรก ก็คือ Integer นะครับ
โดยมีค่าตั้งแต่ -2,147,483,647 ถึง 2,147,483,647 และมีวิธีใช้คือ int ตัวแปร
ตัวแปรชนิดที่สองคือ char ครับ โดยเป็นตัวแปรที่นิยมใช้เก็บตัวอักษรชนิดต่างๆ
โดยมีค่าตั้งแต่ -128 ถึง 127 และมีวิธีใช้คือ char ตัวแปร
ตัวแปรชนิดที่สามคือ float ครับ โดยจะเป็นตัวแปรที่ใช้เก็บตัวเลขที่มีทศนิยมครับ
วิธีใช้คือ float ตัวแปร
การให้ค่าตัวแปรก็อย่างที่เห็นนะแหละครับ
จากนั้นเราก็ใช้คำสั่ง cout พิมพ์ตัวแปรต่างๆออกมา ให้สังเกตวิธีการให้ค่าตัวแปรดีๆนะครับ
จะเห็นว่าตัวแปร c และ d เป็นตัวแปรชนิด char เหมือนกัน แต่หากต้องการให้ค่าเป็นตัวอักษรเลย
ก็ให้ใช้ '' ครับ ส่วน 68 นั้นก็จะมีค่าเท่ากับ D นะครับ
เมื่อ Run โปแกรมออกมาจะเห็นว่า c
และ d พิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษรเหมือนกัน นี่ก็เป็นเพราะเมื่อเราใช้คำสั่ง
cout มันก็จะไปตรวจชนิดของตัวแปร แล้วจึงพิมพ์ออกมา นี่แหละครับคือความสามารถของ
OOP ใน C++ ครับ
นอกจากตัวแปรเหล่านี้แล้วยังมีตัวแปรชนิดอื่นอีกมากมายนะครับ
เพื่อนๆก็ลองไปหาศึกษาดูนะครับ
การให้ค่าตัวแปรชนิดต่างกัน
|
|
|
|
#include <iostream.h> int main() { int a=10; char b=65; float c=1.7; const int d=5;
a=(int)b;
cout<<a<<"\n";
a=(int)c;
cout<<a<<"\n";
a=int(b)+int(c);
cout<<a<<"\n";
cout<<d<<"\n";
return 0;
}
|
|
|
|
|
[Download Code]
การให้ค่าตัวแปรชนิดต่างกันแก่กันนั้น
จะเห็นว่ามีการใช้ (ชนิดตัวแปร)ตัวแปร หรือ ชนิดตัวแปร(ตัวแปร) ก็มีค่าเท่ากันนะครับ
ขออธิบายจุดเล็กๆ น้อยๆ หน่อยนะครับ
นั่นคือ a=b คำสั่งนี้ไม่ใช่หมายความว่าให้ a=b นะครับ แต่หมายความว่าให้นำค่า
b ไปให้กับค่า a ครับ คือ นำค่าทางซ้ายไปให้ค่าทางขวา ส่วนการเปลี่ยนตัวแปรชนิด
float เป็น integer นั้นจะเป็นการปัดเศษทิ้งครับ
ส่วนที่ใหม่ในตัวอย่างนี้ก็คือ const
ครับ คำสั่งนี้ เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับสร้างตัวแปรขึ้นมา ซึ่งตัวแปรนี้จะไม่สามารถเปลี่ยนค่าได้ครับ
ส่วนวิธีการใช้ก็คือ const ชนิดตัวแปร ตัวแปร เช่น const char 'd'; ,const
float f; เป็นต้น
การเปรียบเทียบ
|
|
|
|
#include <iostream.h> int main() { int a=10,b=10,c; char d=10,e=10,f; float g=1.5,h=1.5,i;
if(a==b)c=10;
if(a>b)c=5;
if(g>=h)i=1.5;
if(d!=e)f=10;
if(!(d!=e))f=5;
if(c=(a==b))i=10.4;
if(a=d)i=2.5;
a=b=c=10;
if((a==b)&&(c==d))f=66;
if((a>b)||(a==b))i=10.5;
if(a=0)b=50;
return 0;
}
|
|
|
|
|
[Download Code]
หลายคนอาจจะงงกับตัวอย่างข้างบนนะครับ
แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ตัวอย่างข้างบนพออธิบายได้ดังนี้ครับ
คำสั่งเปรียบเทียบแรกคือ == คือการเปรียบเทียบว่าเท่ากันหรือไม่
ถ้าเท่ากันก็ให้ c=10 ส่วนเครื่องหมายอื่นก็คือ
> คือ เครื่องหมายมากกว่า
< คือ เครื่องหมายน้อยกว่า
!= คือ เครื่องหมายไม่เท่ากับ
ในส่วนที่สองมีเครื่องหมาย ! อยู่หน้าประโยคเปรียบเทียบ
หมายความว่าให้ตรงกันข้ามกัน นั่นคือ if(d!=e) จะให้ผลตรงกันข้ามกับ (!(d!=e))
จากคำสั่ง if(c=(a==b)) เป็นการบอกให้
c เท่ากับผลการเปรียบเทียบของ a==b โดยถ้าเป็นจริง c จะได้ค่า เป็น 1 แต่ถ้าเป็นเท็จจะได้ค่าเป็น
0 ครับ
จากตัวอย่างจะเห็นการใช้เครื่องหมาย
&& และ || โดย
&& คือ เครื่องหมาย and หมายถึง
จะได้เป็นจริงเมื่อ ประโยคทั้งสองประโยคจะต้องเป็นจริงทั้งคู่
|| คือ เครื่องหมาย or หมายถึง จะได้เป็นจริงเมื่อ
ประโยคใดประโยคหนึ่งเป็นจริง
จากคำสั่ง if(a=0) ในส่วนสุดท้าย จะเป็นการกำหนดค่า
0 ให้กับตัวแปร a ซึ่งเมื่อ a มีค่าเป็น 0 จะทำให้เงื่อนไข if เป็นเท็จ (ถ้าค่า
a มีค่ามากว่า 0 เงื่อนไขของ if จะเป็นจริง)
|